
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.กาฬสินธุ์ ถึงกรณีสองตายายเก็บเห็ดในป่าสงวนดงระแนง อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ แล้วศาลพิพากษาจำคุก 1 ปี 8 เดือน ซึ่งขณะนี้พ้นโทษออกมาแล้ว แต่ยังคงประสบปัญหาชีวิต มีหนี้สินล้นพ้นตัว
โดยนายอุดม ศิริสอน หรือตาเรียน กล่าวว่า หลังจากพ้นโทษออกมาชีวิตตอนนี้แย่กว่าเดิม ก่อนถูกจับติดคุกประสบอุบัติเหตุถูกรถยนต์ชนจนมีอาการเลือดออกทางสมอง กระดูกไหปลาร้าฉีก และส่วนอื่นๆ ยังไม่หายเป็นปกติ แต่ต้องไปอยู่ในคุกทำให้การรักษาตัวลำบาก ไม่ได้รับการรักษาต่อเนื่อง ได้กินยาบ้างไม่ได้กินบ้าง สภาพร่างกายตอนนี้หูก็ไม่ได้ยินถนัด เดินเหินก็ไม่สะดวก เพราะขาแข้งมีปัญหา เหนื่อยง่าย
“ชีวิตตอนนี้ไม่มีอาชีพทำกิน ก่อนเคยรับเหมายกบ้าน แต่ตอนนี้ร่างกายและสุขภาพไม่ไหวก็ต้องเลิกไป จะไปเก็บเห็ด เก็บฟืนเหมือนแต่เดิมก็ไม่กล้า เพราะกลัวว่าจะถูกจับอีก ตั้งแต่ครั้งนั้นก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ป่าสงวนอีกเลย กลัวจริงๆ ที่พอมีอยู่มีกินก็อาศัยครอบครัวของน้องสาวภรรยาหาข้าวหาน้ำมาให้กิน พาไปหาหมอ มีหลานชายส่งเงินมาให้ใช้บ้าง แต่ชีวิตก็ลำบากมาก หนี้สินเมื่อครั้งที่เจ็บป่วยและติดคุกก็พอกพูนขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ต้องการตอนนี้ก็เพียงอยากให้ทุกๆคน เห็นใจและช่วยเหลือในเวลานี้ โดยเฉพาะเรื่องคดีในการเรียกร้องค่าชดเชย” นายอุดม กล่าว
นายเกษม ศรีภูธร น้องเขย ผู้ดูแล กล่าวว่า หนี้สินที่มีตอนนี้เป็นหนี้จากการกู้ยืม ธกส.มาตั้งแต่เมื่อพี่เขยประสบอุบัติเหตุ โดยกู้ในนามพี่สาวและเมื่อถูกจับก็ต้องกู้อีกครั้ง โดยตนเองเป็นผู้กู้ เพื่อมาเป็นค่าต่อสู้คดี ค่าเดินทางต่าง ๆ รวมถึงค่ายารักษาตัวที่จะต้องซื้อยาไปส่งทุกๆ เดือน ตอนนี้หนี้สินเป็นเงินต้นกว่า 100,000 บาท และก็มีดอกเบี้ยที่ต้องชำระอีก
“ตอนนี้ตนและภรรยา ต้องมาดูแลครอบครัวพี่สาวและพี่เขย ไม่ใช่เป็นภาระแต่เป็นสิ่งที่ปล่อยทิ้งไม่ได้ เขาทั้งสองคนไม่มีใครดูแล ไม่มีลูก เงินที่ได้ก็มาจากลูกชายของตนที่รักลุงและป้าเสมือนพ่อแม่แท้ ๆ ส่งเงินมาให้ใช้ ทรัพย์สินที่มีก็เหลือแต่ที่นา 2-3 ไร่ และบ้านที่อาศัยในปัจจุบันเท่านั้น ถามว่าลำบากมากไหม ลำบากมากตั้งแต่ก่อนเข้าคุกเพราะประสบอุบัติเหตุและมาติดคุก รถราก็ต้องเช่าต้องเหมาไปเยี่ยมในยามเอายาเอาอาหารไปส่งหมดเงินไปเยอะ อาชีพก็ทำนาปีละครั้ง หลังจากนั้นก็รับจ้างไปวันๆ มีอะไรก็แบ่งกันกินสองครอบครัวก็ดูแลกันมาอย่างนี้ บางวันเพื่อนบ้านมีกับข้าวเยอะก็มาแบ่งให้บ้างเป็นน้ำใจที่เขาสงสารพวกเรา” นายเกษม กล่าว
นายบุญช่วย น้อยเสนา ส.อบจ.กาฬสินธุ์ นำเอาผ้าห่มและร่มกันแดดกันฝน ไปมอบให้เพื่อช่วยเหลือเบื้องต้น พร้อมเผยวส่า สำหรับครอบครัวนี้เท่าที่ทราบจากผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ขณะนี้ยังมีความลำบากมาก เพราะทั้งสองไม่มีอาชีพทำกิน นอกจากนี้จากการสอบถามยังทราบว่ามีอาการหูตึง ซึ่งก็จะพาไปลงทะเบียนคนพิการเพื่อให้ได้รับเบี้ยผู้พิการที่จะช่วยเหลือในด้านความเป็นอยู่อีกด้านหนึ่ง รวมทั้งการติดตามความคืบหน้าของคดี เพราะสองตายายยังรอความช่วยเหลืออยู่
“เบื้องต้นก็จะพาไปร้องขอความช่วยเหลือที่สำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ อีกทางหนึ่ง ที่จะเป็นการเร่งรัดให้ครอบครัวได้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ ขณะที่ชาวบ้านในหมู่บ้านนี้ก็ขยาด ไม่กล้าเข้าใกล้ป่าดงระแนงเพื่อไปหาเก็บของป่าเพื่อดำรงชีวิตเหมือนเช่นก่อน ๆ จากตัวอย่างที่เกิดขึ้นทำให้ชาวบ้านไม่กล้า โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงป่าดงระแนง ทุกคนจะส่ายหน้าไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆ อย่างไรก็ตามในเรื่องของคดีความ หรือการเรียกร้องค่าชดเชยต่าง ๆ คงจะต้องอาศัยผู้ที่เกี่ยวข้องตั้งแต่เบื้องต้นช่วยติดตามความคืบหน้าให้ เพื่อที่จะได้มาเป็นทุนรักษาร่างกายที่เจ็บป่วย และก็อยากจะร้องขอไปถึงผู้ใจบุญทั้งหลายได้เมตตาและให้ความช่วยเหลือครอบครัวนี้ด้วย” ส.อบจ.บุญช่วย กล่าว
ที่มา khaosod
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น